ข้อดี ข้อเสีย การทำเลสิก

การทำเลสิกเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการผ่าตัด อาจมีข้อผิดพลาดในขณะที่แพทย์ตัดและตกแต่งกระจกตา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นอย่างถาวร แต่มีเปอร์เซ็นต์ที่เกิดน้อยมาก ถ้าหากท่านเลือกเข้ารับการรักษาที่ศูนย์เลสิกที่ได้มาตราฐาน จักษุแพทย์ที่มีฝีมือและผ่านประสบการณ์การผ่าตัดเลสิก ความสามารถของแพทย์ผู้รักษามีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลลัพท์ที่ออกมามีประสิทธิภาพ ฉะนั้นก่อการตัดสินใจก่อนทำเลสิก ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลพิ่มเติม ก่อนการรักษา มาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย กันก่อนจะตัดสินใจทำเลสิก

ข้อดีของการทำเลสิค คือ มันทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้น ช่วยในเรื่องของความสะดวกสบายในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้ง่ายขึ้น และสำหรับคนที่ไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ ได้ เลสิกถือเป็นตัวช่วยที่เหมาะสมมาก ที่จะทำให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เป็นการรักษาที่ส่งผลในระยะยาวสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง เลสิคสามารถแก้ไขสายตาได้อย่างถาวร เพราะฉะนั้นการมองเห็นก็จะเป็นสายปกติจนกว่าเราจะแก่ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องสายตายาวตามอายุ 

ข้อเสียของการทำเลสิก คือ จะมีปัญหาเรื่องตาแห้ง (แต่มันสามารถรักษาหายได้แต่ต้องใช้เวลา) ซึ่งสาเหตุนี้จะพบกันบ่อยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สาเหตุของอาการตาแห้งเกิดจากการผลิตน้ำตาลดลงหลังการทำเลสิกอย่างชั่วคราวประมาณ 6 เดือนหลังการผ่าตัด หรืออาจนานกว่านั้น ซึ่งจะลดความสามารถในการมองเห็นได้ โดยสามารถรักษาดูแลได้ด้วยการใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่ง  หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจเผชิญกับผลข้างเคียงอย่างการมองเห็นเป็นภาพเบลอ ตาพร่ามัว คันตา น้ำตาไหลหรือตาแห้ง แสบตา และเจ็บปวดบริเวณดวงตาจากการผ่าตัด ซึ่งอาการจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน

เลสิกจากเคสการรักษาที่ผ่านมา จากสถิติหลังการรักษา ไม่มีปัญหาที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอด ปัญหาที่ผู้ผ่าตัดเลสิคจะพบ หลังการทำเลสิก เช่น ขับรถเวลากลางคืน ความยากลำบากอย่างที่จะกระทบกับการดำเนินชีวิตในช่วงแรกหลังจากที่ผ่านมาเลสิกใหม่ๆ ผู้ป่วยจะพบการอาการภาพซ้อน แพ้แสง มองเห็นดวงไฟ และตาแห้งอย่างรุนแรง แต่ในการศึกษาจากเคสผู้ป่วยหลังการทำเลสิก น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยพบความยากลำบากในการดำเนินกิจกรรมตามปกติตาเนื่องจากอาการใด ๆ

ส่วนท่านใดทีกำลังมองหาศูนย์เลสิกคุณภาพ เราขอแนะนำ ศูนย์เลสิค Laser Vision ศูนย์เลสิกที่มีประสบการณ์ยาวนานในการรักษาสายตาด้วยวิธีการเลสิคกว่า 19 ปี พร้อมทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้รับมาตราฐานระดับสากล และนอกจากนี้ การเตรียมร่างกายให้พร้อมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผลการรักษาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เลสิก ผลข้างเคียงและโรคแทรกซ้อน

มีผลข้างเคียงและโรคแทรกซ้อนจากการทำเลสิกอย่างไร?

ผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำเลสิก ได้แก่

• ในขั้นตอนการทำเลสิค จะมีขั้นตอนในการเปิดกระจกตาและปรับแต่งกระจกตา โดยการฝานกระจกตาด้วยเครื่อง Microkeratome เป็นการเปิดกระจกตาด้วยใบมีด ซึ่งต้องใช้ความปราณีตและระมัดระวังมาก ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของจักษุแพทย์ เครื่องมือที่ได้มาตราฐานและทันสมัย เพราะถ้าทำได้ไม่สมบูรณ์ เช่น อาจตัดไม่ตลอด ตัดหลุดออกจากขั้ว ตัดออกเป็นรูปโดนัท กระจกตาที่ฝานผิวขรุขระไม่เรียบ การฝานไม่อยู่ตรงกลาง อาจเกิดจากการใช้แรงกดกระจกตาให้แบนราบทำได้ไม่ดี ใบมีดไม่คม ซึ่งเมื่อเกิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จำเป็นต้องปิดฝากระจกตาไว้ดังเดิม งดการผ่าตัดไว้ก่อน รอให้แผลสมานดีก่อนกลับมาทำใหม่ในเวลาอีก 3 เดือน

• ข้อผิดพลาดอาจทำให้มีเลือดออก (ซึ่งถ้าเป็นปกติไม่ควรมีเลือดออกเลยเพราะกระจกตาบริเวณตรงกลางใสไม่ มีหลอดเลือดเลย) ซึ่งอาจเกิดจากการฝานกระจกตาไม่ตรงกลางไปชิดขอบตาดำด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป หรือกระจกตาผู้ป่วยผิดปกติมีหลอดเลือดเข้ามาจากการอักเสบครั้งเก่าๆเช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ ทั่วไป อาจมีการติดเชื้อจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคมากับเครื่องมือ หรือติดอยู่ตามเปลือกตาและ/หรือขนตาของผู้ป่วย

• ผลลัพท์หลังจากการทำเลสิก สำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติกระจกตาเป็นฝ้า มักพบในผู้ที่สายตาสั้นมากๆ และในวิธี PRK มากกว่าเลสิก หลังจากผ่าตัดเลสิก วิสัยทัศน์ในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนจะลดลง ไม่สามารถมองเห็นในแสงจ้าๆ ได้ แต่ซักพักอาการจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ มีน้อยรายที่คงอยู่นาน ซึ่งแพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่านานเท่าไร

ที่สำคัญที่สุดก็ คือ อาจแก้ไขสายตาไม่ได้หมดตามที่คาดหวัง แก้ได้น้อยไปหรือมากไป เช่น แต่เดิมสั้น 600 ทำแล้วอาจเหลือสั้น 100 หรือแก้มากไปกลายเป็นยาว 100 ซึ่งแก้ไขโดยการยิงเลสิกซ้ำ เพียงแซะเปิดรอยฝานกระจกตาแล้วยิงแสงเลเซอร์เพิ่ม หรือบางรายอาจใช้แว่นสายตาช่วยบ้างบางโอกาส

การทำเลสิกในปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ทันสมัยที่ทำให้การยิงแสงเลเซอร์ได้ผลดีมากขึ้น สามารถฝานกระจกตาได้อย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขภาวะที่ไม่ต้องการ เช่น การเกิดแสงจ้า การแพ้แสง ทำได้แม่นยำขึ้น สามารถขัดเกลากระจกตาให้มีความโค้งที่เหมาะสมดียิ่งขึ้น อีกทั้งแม้แต่การฝานกระจกตาด้วยมีด ปัจจุบันมีเครื่องรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องใช้มีดฝานฝากระจกตาอีก แต่ใช้แสงเลเซอร์ฝานแทนซึ่งแม่นยำมากขึ้น

การทำเลสิกต้องอาศัยความชำนาญของจักษุแพทย์ในการผ่าตัด ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดในขณะที่แพทย์ตัดและตกแต่งกระจกตาได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นอย่างถาวร แต่มีเปอร์เซ็นต์ที่เกิดน้อยมาก ถ้าหากท่านใดมนใจอยากแก้ปัญหาสายตาด้วยการทำเลสิค ศูนย์เลสิกที่ได้มาตราฐาน จักษุแพทย์ที่มีฝีมือและผ่านประสบการณ์การผ่าตัดเลสิก ความสามารถของแพทย์ผู้รักษามีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลลัพท์ที่ออกมามีประสิทธิภาพ ฉะนั้นก่อการตัดสินใจก่อนทำเลสิก ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลพิ่มเติม ก่อนการรักษา ส่วนท่านใดทีกำลังมองหาศูนย์เลสิกคุณภาพ เราขอแนะนำ ศูนย์เลสิค Laser Vision ศูนย์เลสิกที่มีประสบการณ์ยาวนานในการรักษาสายตาด้วยวิธีการเลสิคกว่า 19 ปี พร้อมทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้รับมาตราฐานระดับสากล และนอกจากนี้ การเตรียมร่างกายให้พร้อมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผลการรักษาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทำความรู้จักกับเลสิก ขั้นตอนการทำและวิธีปฎิบัติหลังการรักษา

เลสิก (LASIK) คือ การรักษาสายตาที่มีความผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด และสายตาเอียง โดยขั้นตอนของรักษาจะแบ่งได้เป็น 2 ขั้นตอนหลักๆ คือ 

ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตา สำหรับขั้นตอนนี้ปัจจุบันแบ่งได้ เป็น 2 แบบด้วยกัน โดยแบบตามเครื่องมือที่ใช้ในการแยกกระจกตา คือ

• การแยกชั้นกระจกตาโดยใช้ใบมีด ด้วยเครื่อง Microkeratome

• การแยกชั้นกระจกตาโดยการใช้แสงเลเซอร์ในทุกขั้นตอน หรือที่เรียกกันว่า เฟมโตเลสิก (Femtosecond Laser)

ขั้นตอนที่ 2 ขั้นการปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตา โดยใช้เครื่องมือเอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) แก้ไขปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาให้เหมาะสมเพื่อให้แสงที่ผ่านเข้าตาสามารถโฟกัสได้พอดีที่จอประสาทตา

จากนั้นแพทย์จะทำการปิดชั้นกระจกตากลับเข้าที่เดิม ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที ชั้นกระจกตาจะสมานเข้ากันเองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเย็บ เสร็จแล้วแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ดวงตา แล้วปิดฝาครอบตาไว้ 1 คืนเพื่อป้องกันการขยี้ตา

โดยทั่วไปหลังการทำการผ่าตัดรักษาผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถมองเห็นได้ทันทีผ่านรูฝาครอบตา และจะค่อยๆ ชัดขั้นภายใน 1- 2 วัน หลังจากทำเลสิค และจะมองเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระจกตาสมานตัวเป็นปกติดี

ในการทำเลสิคในปัจจุบัน จะไม่มีการฉีดยาชา แต่ใช้การหยอดยาชาลงบนดวงตา จึงไม่ทำให้เกิดการเจ็บปวดใดๆ อาจจะรู้สึกตึงหรือมีแรงกดที่ดวงตาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น และจะใช้เวลาในการรักษาข้างละประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

อาการหลังการหยอดยาขยายม่านตาด้วยยา Mydriacyl  (Tropicamide 1.0%) ซึ่งผลของยาจะทำให้มีอาการดังต่อไปนี้ วิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่ชัดเจน ภาพเบลอ สู้แสงจ้าลำบาก อาจช่วยบรรเทาได้โดยการใส่แว่นกันแดด (ในกรณีที่ท่านนัดตรวจในตอนกลางวัน) และอาจมีอาการวิงเวียนศรีษะ อาการดังกล่าว จะมีผลเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง

การปฎิบัติตัวหลังทำเลสิก

หลังทำเลสิค คืนแรก ควรพักสายตาให้มากๆ โดยไม่ควรใช้สายตาหนัก งดใช้สายตาโดยไม่จำเป็น เช่น ดู TV , เล่นคอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือ และไม่ควรขับรถ ในวันที่ทำเลสิกคุณควรมีเพื่อนมาด้วยเพื่อขับรถให้ หรือใช้บริการแท็กซี่ ให้พักสายตาให้มากที่สุด เพราะในช่วง 6 ชั่วโมงแรก อาจมีอาการเคืองตามาก หลังทำเลสิคแพทย์จะปิดตาด้วยที่ครอบตา แต่คนไข้สามารถมองเห็นได้ผ่านรูที่ครอบตา ห้ามแกะออกในคืนแรก เพื่อป้องกันการเช็ดที่รบกวนผิวกระจกตา จนกว่าวันรุ่งขึ้นจักษุแพทย์นัดตรวจจะเปิดที่ครอบตา และทำความสะอาดให้ และให้สวมแว่นกันแดดแทน ปกติวันแรกหลังเลสิค การมองเห็นประมาณ 90% ขึ้นได้

ช่วง 1 สัปดาห์หลังทำ lasik เป็นช่วงสำคัญคือ คนไข้ต้องปฏิบัติตัว ห้ามโดนน้ำหรือ ขยี้ตา และหยอดยาแก้อักเสบ ป้องกันติดเชื้ออย่างเคร่งครัด ส่วนการมองเห็นช่วงนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ

หลัง 1 สัปดาห์หลังทำเลสิก จนถึง 1 เดือน เป็นช่วงที่ค่าสายตาจะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยที่ครบ 1 เดือน จักษุแพทย์ทำการวัดค่าสายตาอย่างละเอียดว่าการมองเห็นเป็นอย่างไร ระยะนี้โดนน้ำสะอาดได้บ้าง สระผมเองได้แต่หลีกเลี่ยงน้ำเข้าตา อาจเริ่มแต่งหน้าได้แต่งดการเขียนขอบตา และหมั่นหยอดน้ำตาเทียมอยู่บ่อยๆ

หลัง 1 เดือน การดูแลเหมือนคนปกติ 99 % แต่ควรหยอดน้ำตาเทียมทดแทนเพิ่มความชุ่มชื้นกระจกตา กรณีว่ายน้ำแนะนำการสวมแว่นกันน้ำเสมอ และจักษุแพทย์จะนัดตรวจประเมินการมองเห็น และสายตา ที่ 3 เดือน, 6 เดือน และ ที่ 1 ปี จะตรวจสุขภาพตาอย่างละเอียดซ้ำ เช่นวัดสายตา กระจกตา เลนส์ตา รวมทั้ง ตรวจสภาพจอรับภาพ และแนะนำการตรวจสุขภาพตาทุกปี

หากท่านใดที่สนใจอยากทำเลสิก เราขอแนะนำ ศูนย์เลสิค Laser Vision ศูนย์เลสิกที่มีประสบการณ์ยาวนานในการรักษาสายตาด้วยวิธีการเลสิคกว่า 18 ปี พร้อมทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้รับมาตราฐานระดับสากล และนอกจากนี้ การเตรียมร่างกายให้พร้อมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ผลการรักษาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด